บทความ

ซื้อปริญญา หลอกตัวเองแต่โกงสังคม

โดย ดร.มานะ นิมิตรมงคล โพสเมื่อ Jul 11,2024

 ซื้อปริญญา หลอกตัวเองแต่โกงสังคม

.

คนซื้อปริญญาย่อมต้องการของแท้จากสถาบันการศึกษา แต่บางคนโชคร้ายถูกคนขายยัดของปลอมมาให้ อย่างไรก็ตามยังมีคนอีกมากที่ซื้อทั้งที่รู้อยู่ว่าเป็นของปลอม

คนซื้อปริญญาพวกหนึ่งเอามาเพื่ออวดอ้างตามค่านิยม แต่อีกพวกซื้อไปใช้ประกอบวิชาชีพหรือเป็นวิทยฐานะในการสมัครงาน พวกหลังนี้เป็นตัวอันตรายจากผลร้ายที่เขาอาจก่อขึ้น แล้วแต่ว่าเขาทำอาชีพอะไร

เช่น เป็นครูบาอาจารย์ นักการเมืองใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งหรือรับตำแหน่งในรัฐสภาตามที่เป็นข่าวดัง บางคนใช้ปริญญาโท/เอกเพื่อให้ได้สิทธิพิเศษในการสอบเป็นผู้พิพากษาหรืออัยการผ่านสนามเล็ก บางคนใช้เพื่อทำตำแหน่งทางวิชาการ ผศ. รศ. ได้เร็วขึ้น บางคนใช้เพื่อทำธุรกิจเช่น เปิดโรงเรียน ฯลฯ

ข่าวการซื้อขายปริญญามักเกิดจากมหาวิทยาลัยเอกชนขนาดกลางหรือเล็ก ส่วนมหาวิทยาลัยของรัฐยุคนี้ทำได้ยากเพราะอาจถูกตรวจสอบย้อนหลังได้ง่าย เคยมีบ้างเมื่อเจ้าหน้าที่ทุจริตแอบเพิ่มรายชื่อคนขาดคุณสมบัติเพื่อขออนุมัติจากสภามหาวิทยาลัย

ปัญหาแก้ไม่ตกคือ “จ่ายครบ จบแน่” ตามหลักสูตรหรือมหาวิทยาลัยของรัฐและเอกชนที่ให้คนจ่ายเงินลงทะเบียนเข้าเรียนจริง แต่เรียนพอเป็นพิธีไม่เน้นความรู้ ถ้าต้องทำวิทยานิพนธ์ก็จ้างคนอื่นเขียนให้ บางหลักสูตรใช้เวลาแค่ไม่กี่เดือนก็จบแล้ว พวกนี้มองแต่การค้าต้องการคนมาเรียนมากๆ เพื่อทำกำไร

ยังมีพวกอยากได้ปริญญาโท/เอกแบบเน้นจบไม่เน้นเรียนอีกกลุ่มหนึ่ง ที่เข้าเรียนจริงแต่จ้างคนอื่นเขียนวิทยานิพนธ์ให้ เคยมีคดีดังเป็นอุทาหรณ์คือ เจ้าหน้าที่รัฐที่มีตำแหน่งใหญ่โตแล้วมาเรียนปริญญาเอก แต่ก๊อปปี้งานวิจัยของคนอื่นหรือรายงานของทางราชการ มาแอบอ้างเป็นผลงานของตน

เมื่อเร็วๆ นี้เกิดข่าวพิสดารคือ มีบางคนยอมจ่ายเงินจำนวนมากแลกกับการ “ใส่ชื่อ” ตนเป็นเจ้าของหรือเจ้าของร่วมงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในต่างประเทศเพื่อนำมาเป็นหลักฐานยื่นขอตำแหน่งวิชาการ ทั้งที่ไม่เกี่ยวข้องหรือมีความรู้ในผลงานนั้นเลย ทำนองเดียวกับอาจารย์ในมหาวิทยาลัยบางท่านมีชื่อเป็นเจ้าของงานวิจัยเพียงโอนเงินผ่านเว็บไซต์

คอร์รัปชันที่กัดเซาะคุณภาพคน/คุณภาพสังคมผ่านการศึกษาของชาติเหล่านี้มักเกิดจากตัวบุคคล แต่ส่วนใหญ่ทำกันเป็นกลุ่มในมหาวิทยาลัย มีบางเครือข่ายที่ขยายอิทธิพลไปสู่ระดับภูมิภาคและระดับชาติสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง

เช่น การซื้อขายตำแหน่งวิชาการ หมุนเวียนกันเป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัย อธิการและผู้บริหารระดับต่างๆ เป็นกรรมการประเมินผลงานวิชาการ กรรมการพิจารณาให้ทุนวิจัยหรือทุนการศึกษา เป็นต้น

ขอให้สังเกตว่าคอร์รัปชันที่กล่าวมานี้ไม่เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างฯ ไม่ได้เบียดบังเงินหลวง แต่เป็นการใช้ทรัพยากรและอำนาจของหน่วยงานเป็นเครื่องมือหากิน

น่าเป็นห่วงว่าคอร์รัปชันในมหาวิทยาลัยยังเป็นเรื่องรู้กันเพียงวงใน ผู้เขียนยังสืบค้นไม่พบว่าเคยมีนักวิชาการท่านใดสำรวจหรือศึกษาวิจัยอย่างเป็นระบบไว้

แต่แน่นอนว่าการซื้อขายปริญญาเป็นเพียงหนึ่งในร้อยเรื่องราว “คอร์รัปชันในสถาบันการศึกษา” ซึ่งทุกอย่างจะหยุดได้หากทุกคนร่วมมือกันฟื้นฟู “ธรรมาภิบาลในมหาวิทยาลัย” ของตัวเอง ด้วยการไม่ทน ไม่นิ่งเฉยปล่อยให้องค์กรเสื่อมเสีย

ดร. มานะ นิมิตรมงคล
เลขาธิการ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)
11 กรกฎาคม 2567